วิธีบอกรักฉบับเจ้าเหมียวพร้อมแฉ 4 พฤติกรรมสุดแปลกและแสบ

อย่างที่เรารู้กันว่าเจ้าเหมียวมีนิสัยส่วนตัวที่รักสันโดษมาก แต่อีกเสียงที่น่าสนใจคือเจ้าเหมียวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากฉะนั้นจึงเป็นคำถามกับผู้เลี้ยงหลายๆ คนว่าเจ้าเหมียวรักเราบ้างไหมนะ? หรือที่มาอ้อนเพียงเพราะอยากได้อาหารเท่านั้นหรือเปล่า? ดังนั้นวันนี้ผมจะพาทุกท่านมารู้จักกับวิธีบอกรักฉบับเจ้าเหมียวซึ่งได้รับการรับรองจากนักวิทยาศาสตร์และหนักเพื่อพฤติกรรมที่ศึกษาทางด้านพฤติกรรมของเจ้าเหมียวที่เจ้าเหมียวจะบอกรักเราผ่านพฤติกรรมที่ผมกำลังจะบอกเหล่านี้ นอกจากการกล่าวถึงวิธีบอกรักฉบับเจ้าเหมียวแล้ว ผมยังจะมาแฉ 4 พฤติกรรมสุดแปลกของเจ้าเหมียวที่เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยสงสัยกันว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้นกันนะ ฉะนั้นเราไปชมกันดีกว่าครับว่ามีอะไรกันบ้าง วิธีบอกรักฉบับเจ้าเหมียว – วิธีบอกรักด้วยการเอาหัวโหม่ง หากว่าคุณโดนเจ้าเหมียวหัวมาโหม่งใส่ให้คุณดีใจไว้ได้ เลยครับ นี่คือการแสดงออกที่บอกถึงความรักและความไว้ใจนั่นเองเนื่องจากที่ใบหน้าของเจ้าเหมียวจะมีต่อมที่ปล่อยฟีโรโมนออกมาเพื่อแสดงความเป็นมิตรและความคุ้นเคย ซึ่งครองจะสังเกตได้จากเจ้าเหมียวที่สนิทกันมักจะชอบเอาหน้ามาชนกันอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นหากเพราะกอดเจ้าเหมียวแล้วเขาชอบเอาหน้ามาถูเราชอบเอาหน้ามาชนคางเรา หรือโหม่งหน้าผากเราในบางครั้งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการแสดงออกถึงความรักที่เจ้าเหมียวมีให้คุณนั้นอีกครั้ง – การนวด เคยสงสัยกันไหมครับว่าทำไมเจ้าเหมียวถึงชอบเอาเท้าหน้ามานวดๆ กดๆ บริเวณร่างกายของเรา ซึ่งเราจะ สามารถสังเกตเห็นได้บ่อยในเวลาที่ลูกแมวหรือแมวเด็กที่มักจะนวดบริเวณเต้านมของแม่แมวเพื่อให้น้ำนมไหลออกมา ซึ่งนี่เป็นพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงสายสัมพันธ์ ความรัก และความสบายใจอย่างผ่อนคลาย ฉะนั้นแล้วเมื่อเวลาที่เขามานวดคุณนั่นคือ เขากำลังจะบอกว่าเขากำลังพอใจอยู่นะ – เลียตัวให้เจ้าของ การเลียตัวหรือเลียขนของเจ้าเหมียวเป็นพฤติกรรมทางสังคมซึ่งแสดงถึงสายสัมพันธ์และความผูกพันรวมไปถึงความเชื่อใจ ฉะนั้นหากเขาเลียตัวคุณก็แสดงว่าเขาเห็นคุณเป็นพวกเดียวกันนั่นเอง เนื่องจากการเรียกตัวเป็นการสร้างกลิ่นให้แก่พวกเดียวกัน นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียดในหมู่แมวได้อีกด้วย – การนอนหงายโชว์พุง เราจะเห็นทั่วไปว่าโดยปกติแล้วเจ้าเหมียวจะหวงหุงตัวเองมากที่สุดเนื่องจากท้องถือว่าเป็นส่วนที่อ่อนแอ ที่สุดของสัตว์ส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ ดังนั้นหากเจ้าแมวยอมนอนหงายพุงโชว์ให้คุณเห็นแล้วล่ะก็ แสดงว่าเขากำลังเชื่อใจคุณแล้วรู้สึกปลอดภัยมากที่จะเปิดเผยจุดอ่อนให้คุณเห็น และถ้าเจ้าเหมียวเชื่อใจคุณมากพอเขาจะยอมให้คุณจับพุงได้ตามสบายเลยทีเดียว 4 พฤติกรรมสุดแปลกและแสบของเจ้าเหมียวที่น่าสงสัย แมวถือเป็นสัตว์ที่สามารถเข้าใจได้ยากมาก เนื่องจากพฤติกรรมบางอย่างของเจ้าเหมียวบางอย่างก็น่าสงสัยมากว่าเขาทำแบบนั้นทำไมกันนะ เราไปดูกันดีกว่าครับว่า 4 พฤติกรรมสุดแปลกและแสบที่เมื่อเราเห็นแล้วจะต้องปวดหัวทุกครั้งไปว่ามันอะไรกันบ้าง และมาร่วมดูด้วยกันครับว่าเจ้าเหมียวที่บ้านเราชอบทำพฤติกรรมแบบนี้จริงหรือไม่ – ทำไมแมวชอบมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ […]
แมว 3 สายพันธุ์แปลกแสนน่ารัก

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมจะพาทุกท่านมารู้จักกับแมว 3 สายพันธุ์แปลกแสนน่ารัก แต่แม้จะแปลกอย่างไรแมว สายพันธุ์เหล่านี้ก็ยังถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมอยู่มากเช่นกัน เนื่องจากในปัจจุบันเราจะสามารถ เห็นเขาหรือแมวสายพันธุ์เหล่านี้ตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ฉะนั้นเราไปชมกันดีกว่าครับว่าสายพันธุ์ที่ผมได้ นำมาวันนี้มีอะไรบ้าง 1. แมวสายพันธุ์มันช์กิ้น แมวสายพันธุ์มันช์กิ้นแม้ว่าจะดูมีรูปร่างที่แปลกตา แต่ในความเป็นจริงนั้นแมวสายพันธุ์มันช์กิ้นมีเรื่องราวที่ยาวนานมากกว่านั้น โดยมีหลักฐานปรากฏขึ้นในปี ค.ศ. 1944 ว่า ในประเทศอังกฤษได้มีสัตวแพทย์ชาวอังกฤษคนหนึ่งเกิดมีความสนใจในเรื่องพันธุกรรมของมัน จึงได้เริ่มมีการศึกษานับตั้งแต่นั้นและหยุดการศึกษาเมื่อช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังนั้นในปี ค.ศ 1980 ได้มีนักพัฒนาสายพันธุ์แมวจากรัฐหลุยส์เซียน่าได้มีการตั้งชื่อให้มันว่า “มันช์กิ้น” โดยตั้งตามชื่อตัวละครใน วรรณกรรม คลาสสิก เรื่อง หนึ่ง แม้จากสมาคมแมวต่างๆ ยังไม่มีการยอมรับสายพันธุ์นี้เนื่องจากเห็นว่าแมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวขาสั้น หรือมีความผิดปกติทางพันธุ์กรรม ที่อาจจะส่งผลให้เกิดโรคได้ในอนาคตจึงทำให้แมวสายพันธุ์ยังไม่สามารถจดขึ้นทะเบียนได้ แต่ก็ถือว่ายังมีสมาคม The International Cat Association (TICA) ที่ยอดรับสายพันธุ์นี้อยู่ให้ทุกท่านได้สามารถนำเจ้าเหมียวไปขึ้นทะเบียนหรือส่งประกวดได้ เมื่อดูจากลักษณะตัวของเจ้าเหมียวแล้วจะพบว่าจะมีขนาดตัวตั้งแต่ขนาดกลางไปจนถึงเล็ก ใบหน้าที่ส่วนที่คล้ายกับแมวอย่างสายพันธุ์สก๊อตทิช โฟลด์ และในสายพันธุ์นี้ยังมีทั้งขนสั้นและขนยาว สีล้วน สองสี หรือสามสี มีลำตัวที่กลมเล็ก ดวงตากลม ใบหูขนาดกลางๆ ลักษณะเป็นทรงสามเหลี่ยมและหัวก็เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม นอกจากนี้จุดที่สามารถสังเกตได้ง่ายคือ เจ้าเหมียวมีขาที่สั้นนั่นเอง […]
ข้อควรระวังสำหรับผู้เลี้ยงแมวสายพันธุ์เมนคูน

สำหรับการเลี้ยงแมวนั้น อย่างที่รู้กันว่าการเตรียมความพร้อม และข้อควรระวังสำหรับการเลี้ยงแมวนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับผู้เลี้ยงมือใหม่เพียงแค่ต้องเอาใจใส่และรักเจ้าเหมียวเท่านั้น แต่ในการเลี้ยงแมวในแต่ละสายพันธุ์นั้นมีความแตกต่างกันออกไปเช่นกัน เนื่องจากความแตกต่างของสายพันธุ์ก็จะลักษณะนิสัย บุคลิกภาพที่แตกต่างกัน จึงทำแมวแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีความต้องการที่แตกต่างกันเช่นกัน และวันนี้ผมจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับข้อควรระวังสำหรับผู้เลี้ยงแมวสายพันธุ์เมนคูนทั้งสำหรับผู้ที่เลี้ยงอยู่แล้ว หรือผู้ที่สนใจในสายพันธุ์นี้อยู่ งั้นเราไปชมกันเลยดีกว่าครับ 1. การมีนิ้วเต็มไปหมด แมวสายพันธุ์เมนคูนอาจเกิดภาวะนิ้วเกิน (Poludactyly) ได้ซึ่งสิ่งนี้เป็นภาวะที่สามารถถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่นได้จากยีนเด่น เนื่องจากโดยปกติแล้วเจ้าเหมียวจะมีนิ้วที่ขาหน้าจำนวน 5 นิ้ว และนิ้วที่ข้างหลังจำนวน 4 นิ้วจึงรวมทั้งหมดได้ 18 นิ้ว แต่หากเจ้าเหมียวเกิดภาวะนี้ก็จะมีเกินกว่าที่แมวปกติทั่วไปมี โดยส่วนมากจะมีโอกาสพบที่นิ้วที่ขาหน้าจะมากกว่าที่ขาหลัง และภาวะนี้ยังเกิดกับแมวสายพันธุ์เมนคูนได้บ่อยอีกด้วย แต่ปัจจุบันมีน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก เนื่องจากแมวที่มีภาวะนี้จะไม่สามารถเข้าร่วมการประกวดเพื่อขึ้นทะเบียนได้ทำให้ไม่มีผู้เลี้ยงคนไหนเพราะพันธุ์แมวที่มีลักษณะแบบนี้แล้วในปัจจุบัน 2. ปัญหาหลังที่พบได้บ่อยในเมนคูน แมวสายพันธุ์เมนคูนจะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคกล้ามเนื้อกระดูกสันหลังฝ่อ (Spinal Muscular Atrophy) ได้ง่ายกว่าแมวสายพันธุ์อื่นๆ เนื่องจากเกิดขึ้นจากการตายของเซลล์ประสาทไขสันหลังที่ไปกระตุ้นเนื้อกระดูกสันหลังและที่ขา ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นจะส่งผลให้เจ้าเหมียวมีกล้ามเนื้ออ่อนแรงและฝ่อ และจะส่งผลให้เจ้าเหมียวเดินผิดปกติไปจากเดิม แต่ก็ถือว่ายังมีข้อดีเนื่องจากหากเจ้าเหมียวเป็นโรคนี้จะไม่ทำให้เจ้าเหมียวเจ็บปวดแต่อย่างใดและยังสามารถเลี้ยงในบ้านได้ปกติ นอกจากนี้ในปัจจุบันยังสามารถตรวจความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ได้ผ่านดีเอ็นเออีกด้วย 3. เมนคูนมีขนที่หนามาก เป็นที่ทราบกันดีว่าแมวสายพันธุ์เมนคูนนี้ได้วิวัฒนาการมาจากเมืองหนาว ทำให้มีขนหนาถึง 3 ชั้นด้วยกันซึ่งหากเปรียบเทียบกับคน คงเหมือนคนที่ใส่เสื้อกันหนาวชนิดหนาๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดโรคลมแดด (Heat Stroke) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยของเราที่เรียกได้ว่าร้อนสุดๆ นี้ก็อาจจะทำให้เจ้าเหมียวที่รักของเราเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน ฉะนั้นวิธีที่เราจะสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดโรคลมแดดนี้ได้คือ พยายามให้เจ้าเหมียวอยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นๆ […]
รู้หรือไม่แมวไทยโบราณก็ประกวดได้

แมวถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่คู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน ด้วยนิสัยขี้อ้อนของเจ้าเหนียวพร้อมด้วยร่างที่น่ารักและมีเสน่ห์จึงทำให้มนุษย์หลงรักเจ้าเหมียวได้ไม่ยาก ในช่วงที่ผ่านมาเราจะเห็นว่ามีเวทีประกวดแมวสวยงามที่จัดขึ้นมากมายโดยแต่ละสนามก็จะมีมาตรฐานที่แตกต่างกัน โดยกรรมการจะประเมินจากจุดดีและจุดด้อยของแมวแต่ละตัว ว่ามีความเหมาะสม สมบูรณ์หรือถูกต้องตามสายพันธุ์หรือไม่ ฉะนั้นแมวตัวไหนที่ได้รับตำแหน่งก็เหมือนการได้รับการันตีว่าลูกแมวที่จะเกิดขึ้นจากเจ้าเหมียวตัวนี้จะต้องมีความสวยตรงตามสายพันธุ์ไม่ต่างจากพ่อแม่พันธุ์อย่างแน่นอน นอกจากเราจะเห็นเวทีประกวดที่ต่างประเทศจัดขึ้นแล้ว แน่นอนว่าในประเทศไทยก็มีเช่นกัน และไม่ได้มีแมวสายพันธุ์ต่างชาติเท่านั้นที่จะประกวดแมวสวยงามได้ เนื่องจากแมวไทยของเราก็มีความสวยงามและความโดดเด่นไม่แพ้กัน ดังนั้นวันนี้ผมจะพาทุกท่านที่ต้องการจะนำแมวไทยของท่านไปประกวดบนสนามแข่งขันรู้จักกับการดูแลเจ้าเหมียวก่อนที่จะนำไปประกวดกันครับว่าผู้เลี้ยงต้องดูแลและมีวิธีการอย่างไรบ้าง 1. ดูแลด้วยอาหารดี ยาบำรุง และวัคซีนที่ครบถ้วน สำหรับเทคนิคการเลี้ยงแมวเพื่อนำแมวไปประกวดนั้น ผู้เลี้ยงควรที่จะพิจารณาในเรื่องของอาหารเป็นพิเศษเนื่องจากอาหารที่เป็นเกรดพรีเมี่ยมจะมีคุณประโยชน์ที่ดีและยังช่วยป้องกันการเจ็บป่วยได้ด้วย จะส่งผลไปถึงเรื่องของผิวหนังที่จะทำให้ไม่มีโรค และยังบำรุงไปจนถึงเส้นขนของเจ้าเหมียวด้วย สิ่งที่จำเป็นและขาดไม่ได้ก็คือยาบำรุงและวัคซีนประจำปี นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้วยังควรเสริมด้วยอาหารสดสลับกับอาหารเม็ดเพื่อให้เจ้าเหมียวได้รับโภชนาการที่ครบถ้วน เนื่องจากหากเจ้าเหมียวถูกเลี้ยงและเอาใจใส่อย่างดีตั้งแต่ภายในก็จะส่งผลสู่ภายนอกให้ดีเช่นกัน นอกจากการให้อาหาร ยาบำรุงและวัคซีนให้ครบถ้วนแล้ว การเล่นกับเจ้าเหมียวทุกตัววันละ 5 – 10 นาที เพื่อให้เจ้าเหมียวได้มีความผ่อนคลาย และไม่เครียดนั้นก็ส่งผลดีต่อสุขภาพของเจ้าเหมียวด้วยเช่นกัน และในการเลี้ยงดูไม่เพียงแต่ให้อาหารเท่านั้น แต่ผู้เลี้ยงจะต้องดูแลจนไปถึงเรื่องของความสะอาดให้เจ้าเหมียว ทั้งการเช็ดหน้า ตัดเล็บอยู่เสมอ แปรงขนหลังอาบน้ำอย่างสม่ำเสมอ ต้องการนำแมวประกวดผู้เลี้ยงอาจจะต้องดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของการแปรงขนมากกว่าแมวทั่วๆ ไป เพื่อให้เขาได้ดูดีทุกมุมมองในการประกวด และแน่นอนว่าแมวแต่ละตัวก็จะมีปัญหาสุขภาพที่แตกต่างกันออกไปเช่น บางตัวอาจจะน้ำหนักเกิน บางตัวอาจจะน้ำหนักน้อย เรือบางตัวอาจจะมีขนร่วงเยอะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผู้เลี้ยงจะต้องเป็นคนคอยสังเกตสิ่งผิดปกติอยู่เสมอเพื่อการดูแลที่ถูกต้องและทันท่วงที และนอกจากการเลี้ยงดูที่เป็นอย่างดีแล้ว ปัจจัยในการเลือกนำแมวสายพันธุ์ไทยมาเลี้ยงก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เนื่องจากแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีความแตกต่างและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแตกต่างกันต่อไป อย่างเช่นการที่จะเลือกแม้วศรีสวาทเพื่อนำไปประกวดนั้นสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบแล้ว กะโหลกยังต้องใหญ่ ตรงกลางต้องเป็นรูปหัวใจ หางตรงไม่งอ ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมาจะตรงกับตำราแมวไทยโบราณที่ได้กล่าวเอาไว้อย่างครบถ้วน 2. แมวประกวดจะต้องเลี้ยงระบบปิด […]
มาทำความรู้จักกับสายพันธุ์ “แมวไทย” ที่ยังคงหลงเหลืออยู่

นอกจากช้างไทยและควายไทยแล้ว หากจะพูดถึงสัตว์คู่บ้านคู่เมืองที่มีความผูกพันกับบ้านเมืองและวิถีชีวิตของผู้คนมาอย่างยาวนาน พูดถึงแมวไทยว่าเป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เนื่องจากหากย้อนกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศไทยจะพบว่า มีการบันทึกถึงสายพันธุ์แมวไทยที่จะระลึกไว้ตั้งแต่สมัยสุโขทัยหรือเมื่อเทียบเป็นเวลาก็นานกว่า 700 ปี ซึ่งเราจะเห็นว่าตำราที่จารึกแมวบางฉบับนั้นถูกเขียนรวมอยู่กับตำราดูช้าง ตำราดูม้า และยังรวมไปถึงตำรายาด้วย เมื่อย้อนกลับไปในยุคสมัยรัตนโกสินทร์ได้มีการคัดลอกข้อมูลจากเอกสารเก่าเก็บซึ่งเป็นตำราแมวไทยที่ระบุถึงลักษณะแมวที่ให้คุณ 17 ชนิด และแมวที่ให้โทษถึง 6 ชนิดด้วยกัน และตำรานี้ก็ยังถูกเก็บรักษาและส่งต่อมายังคนรุ่นหลัง เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงความล้ำค่าของมรดกของประเทศไทยที่ยังคงมีหลงเหลืออยู่จนทุกวันนี้ แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นแมวไทยแต่ก็แปลกที่มีคนไทยน้อยคนนักที่จะรู้และเข้าใจถึงหน้าตาของสายพันธุ์แมวไทยว่ามีรูปร่างลักษณะเป็นอย่างไร แต่ในปัจจุบันเราจะพบเห็นแมวไทยที่โด่งดังและได้รับความนิยมจากต่างประเทศมากกว่าในไทยจะอีก ซึ่งส่วน หนึ่ง เป็นจากสาเหตุมาจากโบราณที่ถือว่าแมวมงคล ส่วนมากจะเลี้ยงกันในวังจึงทำให้แมวมงคลในสมัยนั้นมีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก ทั้งยังมีช่วงที่เสียกรุงสมัยกรุงศรีอยุธยาจึงคาดกันว่าแมวอาจจะแตกตื่นและหนีหายกระจายกันออกไปหมด แต่ในช่วงเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์ก็ได้มีการรวบรวมและตามหาแมวไทยกลับมาอีกครั้ง ปัจจุบันเมื่อดูที่บันทึกไว้ในสมุดข่อยโบราณจะพบว่าแมวไทยได้มีการสูญหายไปแล้วว่า 13 สายพันธุ์ ซึ่งในปัจจุบันนี้ยังเหลืออยู่เพียง 4 สายพันธุ์เท่านั้นได้แก่ วิเชียรมาศ ศุภลักษณ์ โคราช และโกนจา นี่ยังมีแมวไทยอีก 1 สายพันธุ์ที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในสมุดข่อยโบราณซึ่งนั่นก็คือ ขาวมณี โดยสายพันธุ์นี้เพิ่งจะมาปรากฏอยู่ตามจิตรกรรมบนฝาผนังในวัดยุครัตนโกสินทร์นี้เอง ฉะนั้นวันนี้ผมจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับสายพันธุ์แมวไทยโบราณที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นกันอยู่จนถึงปัจจุบัน ว่าแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ดังนี้ 1. วิเชียรมาศ แมวไทยสายพันธุ์วิเชียรมาศถือเป็นแมวไทยสายพันธุ์แรกที่เป็นที่รู้จักในต่างประเทศและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากสายพันธุ์วิเชียรมาศมีลักษณะที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาแมวไทยทุกสายพันธุ์ จนในปัจจุบันได้มีการนำวิเชียรมาศไปผสมพันธุ์กับแมวสายพันธุ์อื่นๆ เพื่อพัฒนาแมวสายพันธุ์ใหม่ๆ ขึ้นมา ตัวอย่างเช่น สีหิมาลายันที่เป็นการผสมระหว่างแมวสายพันธุ์เปอร์เซียและวิเชียรมาศ หรือแม้แต่แมวท็องกินิสที่เกิดจากการผสมระหว่างแมวสายพันธุ์เบอร์มิสและวิเชียรมาศเข้าด้วยกัน โดยจุดเด่นของแมวสายพันธุ์วิเชียรมาศอยู่ที่ดวงตาสีฟ้าที่ประกาศสดใส […]
พืชที่ควรปลูกไว้ติดบ้านให้เจ้าเหมียว

แม้ว่าต้นไม้ สมุนไพร และพืชดอกไม้ต่างๆ หากนำมาตกแต่งบ้านก็จะดูสวยงาม ร่มรื่น มีสีสัน พร้อมยังมีประโยชน์ที่หลากหลาย แต่สำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะเจ้าเหมียวที่มักจะอยากรู้อยากเห็นอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้บางครั้งอาจจะไปกัดหรือไปแทะใบไม้หรือดอกไม้ได้ ฉะนั้นผู้เลี้ยงจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกต้นไม้และดอกไม้ที่มาปลูกภายในบ้านอย่างระมัดระวังและเอาใจใส่ แน่นอนว่าพืชบางชนิดอาจจะไม่มีพิษหรืออันตรายต่อมนุษย์ แต่ใครจะรู้ว่ากับเจ้าเหมียวนั้นอาจจะตรงข้ามกัน เนื่องจากพืชบางชนิดเปรียบเสมือนยาพิษที่อันตรายมากต่อชีวิตของเจ้าเหมียว แล้วเพื่อความปลอดภัยของเจ้าเหมียวผู้เลี้ยงควรที่จะรู้ว่าพืชชนิดใดที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าเหมียว ดังนั้นวันนี้ผมจึงอยากจะนำเสนอยาหรือพืชธรรมชาติที่ควรปลูกไว้ติดบ้านเผื่อเป็นประโยชน์ให้เจ้าเหมียว เนื่องจากบางต้นก็สามารถช่วยให้เจ้าเหมียวผ่อนคลายขึ้นได้ หรือบางต้นก็สามารถเป็นยาถอนพิษภายในตัวเจ้าเหมียวได้ เป็นต้น ฉะนั้นเราไปดูกันดีกว่าครับว่ายาธรรมชาติที่ควรปลูกไว้ติดบ้านให้เจ้าเหมียวมีต้นอะไรกันบ้าง 1. แคทนิป แคทนิปหรืออีกชื่อหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อว่า กัญชาแมว ซึ่งพืชชนิดนี้เป็นพืชตระกูลมินต์ที่เจ้าเหมียวชอบกันอย่างมาก เนื่องจากภายในใบและก้านของพืชชนิดนี้จะมีน้ำมันหอมระเหยที่ส่งผลให้เจ้าเหมียวรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดี หรือเกิดอาการเคลิบเคลิ้มและกระตือรือร้นที่จะสูดดมหรือกินเข้าไปได้ เมื่ออ่านข้างต้นแล้วผู้เลี้ยงอาจจะรู้สึกว่ามันจะส่งผลไม่ดีหรือไม่ แต่จริงๆ แล้วฤทธิ์มันจะอยู่เพียง 10 – 15 นาทีเท่านั้น และนอกจากจะไม่เป็นอันตรายต่อเจ้าเหมียวแล้ว พืชชนิดนี้ยังสามารถช่วยไล่ยุง แมลงวัน และแมลงสาบที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามพืชชนิดนี้ควรจะใช้อย่างเหมาะสมและพอเพียงเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต 2. ต้นอ่อนข้าวสาลี ต้นอ่อนข้าวสาลีถือเป็นอาหารเพื่อสุขภาพของเจ้าเหมียวที่มีคุณประโยชน์สูงมาก เนื่องจากภายในต้นอ่อนข้าวสาลีมีไฟเบอร์อยู่สูงฉะนั้นจึงช่วยเจ้าเหมียวในเรื่องของการขับถ่ายและขจัดก้อนขน นอกจากนี้ยังมีข้อดีในการช่วยเรื่องปรับสมดุลภายในร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและสมานแผลของเจ้าเหมียวได้อีกด้วย 3. ตำแยแมว ตำแยแมวเป็นพืชที่สามารถพบได้ตามพื้นที่รกร้างว่างเปล่าทั่วไป ถือเป็นอีก หนึ่ง ชนิดที่มีกลิ่นดึงดูดเจ้าเหมียวได้ดีมาก นอกจากกลิ่นมันจะช่วยให้เจ้าเหมียวเคลิบเคลิ้มผ่อนคลายได้แล้ว ในส่วนรากยังมีสรรพคุณช่วยให้เจ้าเหมียวอาเจียนและสำรอกพิษออกมาได้ ฉะนั้นตำแยแมวจึงถือว่าเป็นยาถอนพิษของโรคแมวได้เป็นอย่างดี 4. ตะไคร้ […]
5 สิ่งที่เจ้าเหมียวไม่ถูกใจ

อย่างที่เรารู้กันว่าแมวเป็นสัตว์ที่อยากรู้อยากเห็นอยู่ตลอดเวลา แต่อีกสิ่งที่สำคัญที่ผู้เลี้ยงควรรู้ก็คือ เจ้าเหมียวเป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อสิ่งรอบข้างเป็นอย่างมาก นั่นจึงทำให้เกิดความรู้สึกกลัวหรือความรู้สึกวิตกกังวลได้ง่ายไม่ต่างจากมนุษย์ โดยเราจะเห็นเจ้าเหมียวหลายตัวที่มีการแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวด้วยการกระทำหลายอย่างเช่น การวิ่งหนี หลบซ่อนตัว ขดตัว ขนตั้ง หรือนอกจากนี้ยังแสดงผ่านพฤติกรรมแทนอย่างเช่น ทำความสะอาดตัวมากเกินไป การขับถ่ายหรือปัสสาวะที่ไม่เป็นที่ เป็นต้น ซึ่งอาการหรือพฤติกรรมที่ก้าวร้าวของแมวแต่ละตัวก็จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ไม่ได้ส่งผลที่ดีนักต่อสภาพจิตใจของเจ้าเหมียว เนื่องจากหากเจ้าเหมียวเครียดจนเกินไปก็อาจส่งผลไม่ดีหรือส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ฉะนั้นเราจึงไม่ควรทำให้เจ้าเหมียวเครียด ซึ่งความผิดปกติที่จะสามารถสังเกตได้ว่าเจ้าเหมียวเครียดหรือไม่แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ 1. ความผิดปกติทางร่างกาย ความเครียดที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียงให้เกิดความผิดปกติทางร่างกายของเจ้าเหมียวได้โดยอาจทำให้เจ้าเหมียวมีอาการท้องเสียซึ่งเป็นอาการบ่งบอกถึงความเครียดเนื่องจากร่างกายขาดน้ำอย่างรวดเร็ว อาการอาเจียนก็สามารถพบเห็นได้ในขณะที่เจ้าเหมียวกำลังเครียด หรือแม้แต่อาการเบื่ออาหารก็สามารถเกิดจากขวางเครียดได้เช่นกัน เนื่องจากส่งผลให้เจ้าเหมียวกินน้ำและอาหารน้อยลง 2. ความผิดปกติทางพฤติกรรม ความเครียดก็อาจส่งผลต่อความผิดปกติทางพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว การขับถ่ายหรือปัสสาวะที่ไม่เป็นที่ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเจ้าเหมียวอารมณ์ดีมาเป็นเจ้าเหมียวอารมณ์ร้าย เป็นต้น วันนี้ผมจึงอยากที่จะมานำเสนอ 5 สิ่งที่เจ้าเหมียวไม่ถูกใจที่ผู้เลี้ยง ควรทราบ ฉะนั้นเราไปดูกันดีกว่าครับว่า เจ้าเหมียวที่มีอาการเครียดเกิดจากอะไรได้บ้างและมีการแสดงออกอย่างไร 1. การมีสัตว์เลี้ยงใหม่เข้ามาในบ้าน การที่ผู้เลี้ยงนำสัตว์เลี้ยงสมาชิกตัวใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้เจ้าเหมียวเกิดความ เครียดได้เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่เลี้ยงเจ้าเหมียวตัวเดียวมาก่อนนานแล้วและยิ่งไม่ค่อยได้เจอแมวหรือสัตว์ชนิดอื่น ทำให้เมื่อมีสัตว์เลี้ยงหรือสมาชิกตัวให้เข้ามาอยู่ในบ้านไม่ว่าจะมาอยู่ถาวรหรือมาอยู่เพียงชั่วคราว ก็ทำความรู้จักเพื่อทำความคุ้นเคยกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยผู้เลี้ยงควรที่จะให้เจ้าเหมียวได้มีการดมกลิ่นกันเพื่อให้เขาทำความมั่นใจว่าเพื่อนใหม่มาอย่างเป็นมิตรไม่ได้มาเพื่อคุกคาม นอกจากนี้ก่อนที่จะนำมาเลี้ยงรวมกัน ผู้เลี้ยงควรจะขังสมาชิกใหม่ไว้ในกรงเพื่อไม่ให้ถูกเจ้า เหมียว ที่เป็น เจ้าของบ้านมาทำร้ายได้ ฉะนั้นเมื่อเจ้าเหมียวคุ้นเคยกับสมาชิกใหม่แล้วก็จะเลิกขู่เอง […]
คุณเคยสงสัยกับปัญหาของเจ้าเหมียวเหล่านี้หรือไม่?

ผมเชื่อว่าในการเลี้ยงแมวนั้น เหล่าทาสแมวจะต้องสงสัยกับพฤติกรรมของเจ้าเหมียวบางอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อเจ้าเหมียวติดสัดเราควรทำยังไงดี? หากทำหมันแมวจะบาปไหม? หากจะไม่อยู่บ้านหลายวันต้องทำอย่างไรกับเจ้าเหมียวดี? ฉะนั้นวันนี้ผมจะพาทุกท่านมาไขข้อสงสัยกับคำถามที่ทาสแมวหลายคนอาจสงสัย และไม่รู้คำตอบสักที ซึ่งคำถามเหล่านี้ที่ผมได้คัดมานี้ล้วนเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างแน่นอน เราไปดูกันดีกว่าครับว่ามีคำถามไหนที่ผู้อ่านกำลังสงสัยอยู่เหมือนกันหรือไม่ โดยมีดังนี้ 1. คำถาม: เมื่อแมวติดสัดแล้วชอบปีนหน้าต่างเพื่อจะหนีออกจากบ้าน แถมยังชอบพ้นกลิ่นรอบบ้านต้องทำอย่างไรดี? ช่วงเจ้าเหมียวอายุ 6-8 เดือน ฮอร์โมนเพศจะทำงานและเริ่มแสดงอาการเป็นสัด ซึ่งส่วนมากแล้วแมวตัวเมียจะมีอาการเป็นสัดก่อนตัวผู้ และเมื่อแมวมีอาการเป็นสัดนี้จะเริ่มมีปัญหาตามมา นอกจากการส่งเสียงร้อนในตอนกลางคืนเพื่อเรียนเพศตรงข้ามแล้ว ยังชอบที่จะหนีออกจากบ้านตลอดเวลาอีกด้วย และหากเลี้ยงมากกว่า 1 ตัวแล้วละก็ตัวที่เป็นสัดจะชอบพ่นกลิ่นรอบบ้านหรือเรียกว่า การสเปรย์นั่นเองซึ่งจะส่งผลให้บ้านมีกลิ่นเหม็น ซึ่งสิ่งเดียวที่จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้คือ ในประเทศไทยแพทย์จะแนะนำให้ทำหมันเมื่อแมวอายุครบ 1 ปีเนื่องจากแมวมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเต็มที่ 2. คำถาม: อยากที่จะทำหมันแมว ทำตัวตัวไหนดีระหว่างตัวผู้กับตัวเมีย และหากทำจะบาปไหม? ในการทำหมันนั้นผู้เลี้ยงควรจะพิจารณาความต้องการของทั้งตัวเองและสมาชิกภายในบ้านก่อนหรือไม่ โดยพิจารณาจากสิ่งเหล่านี้– บ้านต้องการแมวเพิ่มไหม– มีความพร้อมในการรับมือทั้งเรื่องในการทำคลอดแมวและลูกแมวหากอยู่ในช่วงวิกฤติหรือไม่– ผู้เลี้ยงพร้อมที่จะรับปัญหาในเรื่องของกลิ่นเหม็นของฟีโรโมนที่ปนกับปัสสาวะที่แมวจะพ้นรอบบ้านในช่วงติดสัดหรือไม่– เตรียมพร้อมกับการรับมือกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นหรือไม่ ทั้งเรื่องของ ค่าอาหารที่จะต้องเพิ่มมากขึ้น ค่าวัคซีนที่ควรทำให้แมวให้ครบถ้วน และอื่นๆ อีกมากมายกรณีทำหมันหากผู้เลี้ยงพิจารณาข้อข้างต้นแล้วพบว่ายังไม่พร้อมกับสิ่งเหล่านั้น การเลือกในการทำหมันก็เป็นสิ่งที่ดีกว่า ผมคิดว่าหลายๆ คนคงคิดว่าการทำหมันเป็นบาปเนื่องจากเป็นการฆ่าสัตว์ที่ผิดศีลธรรมหรือไม่ แต่หากมองกันจริงๆ แล้วการทำหมันแมวถือเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปริมาณแมวจรจัดลงซึ่งเราจะเห็นได้อย่างมากมายในประเทศไทยซึ่งแมวจรหรือสัตว์จรจัดเหล่านี้มีผลเสียมากกว่าผลดีอย่างแน่นอน เช่น เรื่องความสกปรกที่อาจเกิดขึ้นจากการจับถ่ายที่ไม่เป็นที่และไม่มีคนดูแล การกระจายของแมวจรไปเรื่อยๆ นอกจากนี้การทำหมันยังเป็นการช่วยป้องกันโรคระบาดที่เกิดในแมวให้ลดลงได้อีกด้วย […]
8 วิธีทำให้เจ้าเหมียวรัก

แน่นอนว่าในการรับเจ้าเหมียวมาเลี้ยงนั้น เราดูแลเอาใจใส่เขาอย่างดี เหล่าทาสแมวอย่างเราก็อยากให้เจ้าเหมียวรักเราบ้างเช่นกัน ฉะนั้นใบบทความนี้ผมจะแนะนำเหล่าทาสแมวถึง 5 วิธีทำให้เจ้าเหมียวรัก ซึ่งวิธีที่ผมจะนำมาในบทความนี้เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยที่ผู้เลี้ยงสามารถทำได้ง่ายอย่างแน่นอนเช่น การใช้เวลาร่วมกับเจ้าเหมียว การเตรียมของเล่นให้เขาเวลาเราไม่อยู่ หรือแม้แต่ให้ขนมแมวเลียที่เป็นของโปรดของเจ้าเหมียวก็สามารถทำให้เขารักเขาได้เช่นกัน ฉะนั้นเราไปดูกันดีกว่าครับว่ามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง 1. การให้ขนมแมวเลีย การบอกรักผ่านการให้ขนมแมวเลียก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายๆ เช่นกัน หรือผู้เลี้ยงจะให้ขนมแมวเลียเจ้าเหมียวเพื่อเป็นรางวัลที่เขาประพฤติตัวดีหรือทำตัวน่ารักก็ได้เช่นกัน แต่ในข้อควรระวังนั้นคือควรให้เป็นบางครั้งบางคราว ไม่ควรจะให้บ่อยจนให้เป็นอาหารหลัก และไม่ควรให้ถี่จนเกินไป เนื่องจากนอกจากที่เขาจะยอมกินอาหารหลักแล้วยังทำให้เขาติดนิสัยในการกินขนมซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเขาด้วยเช่นกัน ฉะนั้นในการให้นั้นผู้เลี้ยงควรพิจารณาการให้ขนมแมวเลียให้ดีเช่น อาจจะให้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้งก็ได้ แต่ไม่ควรให้ในเวลาเดียวกันวันติดๆ กัน ควรเว้นวันเนื่องจากจะทำให้เขาติดการขอซึ่งอาจจะทำให้เราลำบากใจได้ 2. การใช้เวลาร่วมกับเจ้าเหมียวที่เรารัก นอกจากกิจวัตรประจำวันที่เจ้าเหมียวจะนอนให้เพียงพอแล้ว บอกครั้งที่เจ้าเหมียวอยากจะเข้ามาคลอเคลียเราในเวลาที่ยุ่งหรือในตอนที่เราหลับอยู่ ผู้เลี้ยงไม่ควรที่จะไล่เจ้าเหมียวในทันทีแต่ต้องพยายามเอาอกเอาใจ และพยายามแบ่งปันความรักความอบอุ่นให้เจ้าเหมียวก่อนอย่างแรก แต่ก็ไม่ควรบังคับหรือนานจนเกินไป เนื่องจากอาจจะทำให้เขาอึดอัด ซึ่งสิ่งนี้ก็จะส่งผลให้เขาอาจไม่มาอ้อนเราอีกก็เป็นได้เช่นกัน 3. จัดที่นอนและมุมที่สงบให้เจ้าเหมียวเพื่อทั้งความสบายกายและสบายใจ แน่นอนว่าเจ้าเหมียวอยากจะหลับก็หลับตรงไหนก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดีผู้เลี้ยงควรลองที่จะจัดมุมสบายๆ ให้เจ้าเหมียวไว้หลบตามมุมต่างๆ ตามพื้นที่ที่สงบภายในบ้าน ยิ่งหากเป็นพื้นที่ที่เป็นมุมสูงๆ หรือที่แคบก็จะยิ่งทำให้เจ้าเหมียวรู้สึกปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นไป แต่เดี๋ยวก่อน ยิ่งเป็นที่ที่สามารถมองออกไปข้างเพื่อชมนก ชมไม้ได้ด้วยแล้วก็ยิ่งจะดีขึ้นไปอีกครับ 4. การเตรียมของเล่นไว้ให้เจ้าเหมียว แน่นอนว่าเจ้าเหมียวก็คงไม่ต่างจากคนมากนักหากอยู่บ้านนานๆ ก็คงมีอาการเบื่อกันบ้าง ฉะนั้นผู้เลี้ยงควรลองหาของเล่นมาไว้ให้เจ้าเหมียวก็จะช่วยให้เจ้าเหมียวได้สามารถแก้เบื่อได้ ซึ่งของเล่นเจ้าเหมียวนั้นก็มีหลากหลายให้ผู้เลี้ยงได้เลือกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นของที่ควรมีอย่างที่ฝนเล็บแมว […]
5 สายพันธุ์แมวยอดนิยมในไทย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการเลี้ยงแมวได้รับความนิยมยอมพุ่งขึ้นสูงมากในประเทศไทย ทำให้ภายในประเทศต่างมีการเลี้ยงแมวที่หลากหลายสายพันธุ์กันออกไปตามความชอบของผู้เลี้ยงนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะนิสัยที่ต่างกัน ทั้งความขี้อ้อนหรือความขี้เล่น รวมไปจนถึงมีให้เลือกทั้งสี และขนไม่ว่าจะเป็นขนสั้นหรือขนยาว ซึ่งในปัจจุบันมีมากกว่า 60 สายพันธุ์เลยทีเดียวที่นิยมเลี้ยงกันทั่วโลก แต่ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำเจ้าเหมียว 5 สายพันธุ์แมวยอดนิยมในไทย ไปดูกันดีกว่าครับว่ามีสายพันธุ์อะไรกันบ้าง 1. แมวอะบิสซิเนียน (Abyssinian) แมวอะบิสซิเนียนว่ากันว่ามีดอยู่มาอย่างยาวนานถึง 4,000 ปีทีเดียว ทั้งยังเชื่อกันว่าเป็นต้นแบบแมวศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นเทพเจ้าของชาวอียิปต์โบราณอีกด้วยอย่างที่เราจะเห็นรูปปั้นแมวในพีระมิดนั่นเอง โดยตัวแมวอะบิสซิเนียนนั้นจะเป็นแมวที่มีขนาดกลาง ใบหูแหลมใหญ่ ลำตัวเพรียว มีขนสั้นทั่วตัวที่มีสีตั้งแต่น้ำตาลเข็มไปจนถึงน้ำตาลอ่อน และมีลักษณะนิสัยที่มีความปราดเปรียว ซื่อสัตย์ ขี้เล่นไม่อยู่นิ่ง แข็งแรง เชื่อฟังและรักเจ้าของมาก ทั้งยังมีอายุที่ยืนนานถึง 20 ปีกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีความทนทานกับอากาศร้อนของประเทศไทยเราได้อย่างดีอีกด้วยฉะนั้นจึงทำให้เจ้าเหมียวอะบิสซิเนียนนี้ได้รับความนิยมในไทยอย่างมาก 2. แมวอเมริกันช็อร์ตแฮร์(America Shorthair) แมวอเมริกันช็อร์ตแฮร์พบว่าถิ่นกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเกิดจากที่ในช่วงที่มีการย้ายถิ่นฐานของชาวยุโรปนี้มักจะนำแมวลงเรือไปด้วยเสมอเพื่อนำไปล่าหนูที่มากัดกินเสบียงบนเรือ จึงทำให้แมวเกิดการผสมไปมาจึงทำให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นและสายพันธุ์นี้ก็เช่นกัน โดยตัวของแมวอเมริกันช็อร์ตแฮร์นี้จะมีลำตัวที่ไม่ใหญ่มาก ขาใหญ่ยาว มีใบหน้ากลมมนจึงทำให้มีศีรษะที่กลมมนเช่นกัน คางใหญ่ ตากลมโตและมีขอบตาด้านบนที่โค้งลงทั้งยังมีตาสีเหลืองอมเขียวไปจนถึงสีฟ้า ลำตัวมีขนสั้นหนาและมีสีเทาที่มีลวดลายสีดำพาดลำตัวซึ่งแต่ละตัวก็จะมีลวดลายที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีความเป็นมิตรเป็นเจ้าของสูง ขี้เล่นไม่ชอบอยู่นิ่ง ฉลาดสามารถฝึกได้ง่าย นอกจากนี้ยังเป็นสายพันธุ์ที่สามารถดูแลง่าย ซึ่งควรแปรงขนให้บ้างเพื่อให้ขนที่ตายแล้วได้หลุดร่วงออกมา และควรทำความสะอาดหูให้เป็นประจำพร้อมกับการตัดเล็บด้วย และมักจะปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจซึ่งสามารถถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมได้ เช่น หากมีพ่อแม่ที่เป็นโรคนี้ […]