รู้หรือไม่ครับว่าแมวของเราสามารถบริจาคเลือดได้เหมือนคนเลย เพราะสิ่งมีชีวิตแทบทุกชนิดต่างต้องเจ็บป่วย และมีการรักษา โดยปกติเรามักจะคุ้นชินกับสุนัขมากกว่าแมวใช่ไหมครับ เพราะสุนัขเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างมีความแข็งแรงและสามารถบริจาคเลือดได้แบบไม่ต้องมีความกังวลอะไรเลย แต่ต่างออกไปจากแมวครับ เพราะแมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเจ็บป่วยง่าย และมีสิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องระมัดระวังอยู่หลายอย่าง ฉะนั้นการจะบริจาคเลือดให้กับน้องแมว จึงมีสิ่งที่ต้องระวังอยู่หลากหลายอย่างครับ แต่ถ้าบ้านไหนที่เป็นพ่อแม่สายบุญ อยากบริจาคเลือด และรู้สึกว่าน้องสามารถบริจาคได้ แข็งแรงมากพอ ลองอ่านบทความนี้ก่อนตัดสินใจครับ เพราะถ้าน้องไม่พร้อมจากที่จะทำให้น้องได้บุญ อาจทำให้น้องบาปได้แบบไม่รู้ตัวได้เลยนะครับ ซึ่งวันนี้ Petsayhi จึงได้นำความรู้เกี่ยวกับการจะพาน้องไปบริจาคเลือดมาให้อ่านกันก่อนครับ ว่ามีอะไรที่น่าสนใจ และต้องรู้ก่อนพาน้องไปบริจาคเลือดบ้างในบทความอยากพาแมวไปบริจาคเลือด พ่อแม่มือใหม่สายบุญ ต้องเตรียมตัวยังไง?
เริ่มจากการดูภายนอกก่อนครับ
สิ่งแรกก่อนที่เรานั้นจะพาน้องไปตรวจอะไรก็แล้วแต่ เราสามารถดูพฤติกรรมน้องได้ง่ายๆ เพียงแค่สังเกตพฤติกรรมของน้องจากการใช้ชีวิตว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ ตั้งแต่การใช้ชีวิตทั่วไปอย่างการเดิน การกิน การนอน ให้เราสังเกตพฤติกรรมก่อนพาน้องไปรับการบริจาคเลือด หรือไปตรวจก่อนประมาณ 3 วัน เพื่อดูความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับน้อง หากมีความผิดตกอย่างกินอาหารน้อยลง ผอมลง เดินแปลกๆ หรือแม้กระทั่งท้องเสียก็อย่าให้น้องไปบริจาคเลือดเด็ดขาดเลยนะครับ เพราะอาจทำให้น้องเกิดผลข้างเคียงได้เลย อย่างที่บอกไปครับว่าแมวเป็นสัตว์ที่ไม่ได้มีความแข็งแรงอะไรมากขนาดนั้นอยู่แล้วการที่จะพาน้องไปไหน หรือไปทำอะไรผู้เลี้ยงจึงควรที่จะต้องศึกษาให้ดีก่อนนั่นเอง
ตรวจคุณสมบัติพื้นฐานก่อนพาน้องไป
ถ้าคุณดูสภาพร่างกายของน้องแล้ว ไม่มีปัญหา แข็งแรง และมีความปกติ ต่อมาคุณต้องมาตรวจเช็กสุขภาพพื้นฐานที่ทางสัตวแพทย์ได้บอกมาแล้วว่าก่อนที่จะพาน้องๆ มาบริจาคเลือดตรงมีคุณสมบัติที่ตรงกับที่กำหนดไว้เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของน้องนั่นเอง อย่างแรกเลยครับคือช่วงอายุของแมวเรา โดยเกณฑ์อายุที่สามารถบริจาคเลือดได้จะอยู่ที่ 1 – 7 ปีครับ ซึ่งเป็นช่วงที่แมวนั้นมีภูมิต้านทานพอสมควรแล้ว ไม่ป่วยง่าย และต้องมีน้ำหนักที่มากกว่า 4 กิโลกรัมขึ้นไป ถือเป็นเกณฑ์ที่เรียกได้พอกำลังใช้ได้เลยครับ ข้อต่อมาเป็นเรื่องของระบบเลี้ยงครับ แมวจะต้องเป็นแมวที่ถูกเลี้ยงในระบบปิดเท่านั้น เพราะอย่างที่ผมย้ำเสมอในแทบทุกบทความที่เกี่ยวกับแมว ว่าการเลี้ยงแมวระบบเปิดมีความเสี่ยงที่จะติดโรคทั้งภายในและภายนอกมาก ฉะนั้นในการเลี้ยงแมวเราจึงต้องคำนึงถึงระบบการเลี้ยงให้มาก และเพื่อความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่การบริจาคเลือดของแมวจะต้องใช้แมวระบบปิด เพื่อป้องกันการเกิดโรคติดต่อในแมวนั่นเอง และที่สำคัญแมวที่จะทำการบริจาคเลือดนั้นต้องได้รับวัคซีนและการถ่ายพยาธิเรียบร้อยแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถบริจาคเลือดได้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไม่ให้เกิดการติดต่อของโรคร้ายแรงผ่านการผ่านเลือดนั่นเอง
กรุ๊ปเลือดแมวมีอะไรบ้าง
แมวเหมือนคนเลยครับ มีกรุ๊ปเลือดที่แตกต่างกัน ซึ่งการบริจาคเลือดก็ต้องใช้เลือดกรุ๊ปเดียวกันเท่านั้นเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งแมวจะแบ่งกรุ๊ปเลือดออกเป็น 3 กรุ๊ป ได้แก่ A B แลพะ AB ถ้าเราลงลึกในแต่ละกรุ๊ปเราจะเห็นได้ว่าแต่ละกรุ๊ปเลือดสามารถดูได้ง่ายๆ เลยครับว่าแมวเราเป็นสายพันธุ์ไหน กรุ๊ปอะไร โดยส่วนมากเลือดกรุ๊ป A จะหาได้จากแมวไทยเป็นส่วนใหญ่ แทบจะทุกสายพันธุ์เลยครับ ส่วนกรุ๊ป B เป็นกรุ๊ปที่เราสามารถพบได้มากเลยครับในแมวที่เป็นสายพันธุ์ต่างประเทศ โดยเฉพาะแมวที่อยู่ในเขตพื้นที่ ที่มีความหนาวเย็น อย่างสายพันธุ์ที่บอกได้เลยว่าส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ป B คือเปอร์เซีย ถ้าเป็นพันธุ์แท้ เรียกได้ว่าร้อยทั้งร้อย ยังไงก็กรุ๊ป B แน่นอน และสุดท้ายกรุ๊ป AB เป็นกรุ๊ปเลือดที่สามารถพบได้กับแมวในทุกสายพันธุ์ แต่มีจำนวนที่น้อยมากครับ พบได้แค่ 1% ของสายพันธุ์นั้นๆ ทำให้กรุ๊ปเลือดนี้เป็นที่ต้องการสูงมากในตลาดเลือดของแมว
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ อยากพาแมวไปบริจาคเลือด พ่อแม่มือใหม่สายบุญ ต้องเตรียมตัวยังไง? ที่ทาง Petsayhi ได้นำมาฝากกันในวันนี้บอกเลยครับว่าเป็นเรื่องที่หลายคนยังไม่รู้ ถ้าอยากรู้ว่าน้องกรุ๊ปเลือดอะไร ให้ลองไปดูในใบนัดฉีดวัคซีนของน้องได้เลยนะครับ สัตวแพทย์ที่ดูแลจะเขียนไว้ในใบให้อยู่แล้ว และหากคุณอยากพาน้องไปบริจาคเลือดจริงๆ ก็ไม่ต้องกังวลไปครับเพราะทางสัตวแพทย์จะตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งนั่นเอง ถ้าคุณชอบบทความดีๆ แบบนี้ก็อย่าลืมติดตาม Petsayhi เพราะจะนำทุกข่าวสารที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมาให้คุณได้ดูกันแน่นอนครับ ถ้าชอบก็อย่าลืมติดตามไว้เพื่อที่คุณจะไม่พลาดทุกบทความดีๆ ก่อนใครนั่นเอง สล็อตแตกง่าย