ในการเลี้ยงแมวช่วงแรกบอกเลยครับว่าคงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลายคน ที่ต้องดูแลลูกแมว เพราะวัยของลูกแมวเป็นช่วงที่กำลังดื้อ ซน ไม่นิ่ง จะทำอะไรแต่ละอย่างก็มักจะต้องอยู่ในความดูแลของผู้เลี้ยงตลอดเวลา ซึ่งการดูแลแมวของเรานั้นสิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือการจับตาดูน้องเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ช่วงวัยนี้เป็นวัยที่เรียกได้ว่าซนมากครับ แต่รู้หรือไม่ครับว่าลูกแมวมีอีกหนึ่งโรคที่เรียกได้ว่าเกิดขึ้นง่าย และมีความเสี่ยงสูงกับแมวที่มีขนยาว นั่นคือเชื้อราครับ เชื้อราเป็นโรคที่เกิดขึ้นทางผิวหนังของสิ่งมีชีวิต สิ่งที่เราสามารถสังเกตได้ง่ายๆ จากการติดเชื้อราคือหนังของน้องแมวเราจะหลุด ลอกออกจากกัน เป็นขุยสีขาว แน่นอนว่าความอันตรายของสิ่งนี้อยู่ที่อาการคัน และอาจเกิดภาวะเรื้อรังได้เลย ฉะนั้นวันนี้ผมจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเชื้อราในแมวให้มากขึ้น เพื่อที่เราจะได้ป้องกันได้
ทำไมถึงเกิดเชื้อราในแมว ?
ถ้าเราจะถามถึงที่มาว่าทำไมถึงเกิดเชื้อราในแมวคงต้องบอกเลยครับว่าเกิดจากกลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่ส่งผลมากที่สุดคงหนีไม่พ้นขนที่ยาวของแมวเพราะขนยาวนี่แหละครับที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรค การที่แมวขนยาวหมายความว่าการระบายอาการในผิวหนังของน้องแมวจะลดลง โดยเฉพาะกับแมวขนยาวถือเป็นเรื่องที่ต้องตรวจเช็กอยู่เป็นประจำเลยครับ โดยหลักๆ แล้วจะเกิดขึ้นได้เมื่อสภาพแวดล้อมในการเลี้ยงมีปัญหา อย่างพื้นที่เลี้ยงมีความชื้นสูง หรือแมวที่เราเลี้ยงมีหลายตัว ทำให้นอนเบียดกัน ยิ่งบ้านไหนที่ไม่ได้ติดแอร์ หรือระบบระบายอากาศภายในบ้านมีปัญหาแล้วละก็อาจต้องบอกเลยครับว่า เป็นปัญหาแน่นอนครับโดยเฉพาะกับลูกแมว เพราะลูกแมวนั้นก็เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งครับ น้องยังไม่สามารถจัดการกับเชื้อโรคต่างๆ ได้เพราะภูมิต้านทานของลูกแมวจะค่อนข้างต่ำ ทำให้ลูกแมวมีโอกาสสูงกว่าแมวอื่นๆ ในการติดเชื้อต่างๆ ยิ่งเป็นเชื้อทางผิวหนังยิ่งง่ายเลยครับ โดยเฉพาะกับเชื้อราอย่าง Derma – tophytosis หรือชื่อเท่ๆ ที่เรียกกันบ่อยๆ คือเชื้อรา ริงส์เวิร์ม เพราะโรคเชี้อรานั้นจะมีลักษณะการเกิดที่มาในรูปแบบของวงแหวน หรือวงกลมเชื้อราชนิดนี้จะทำให้ขนหลุดร่วงเป็นหย่อมๆ และมีสะเก็ดของผิวหนังอยู่ตามขนเหมือนกับรังแค
ถ้าเห็นว่าแมวมีขนร่วง คล้ายราต้องทำอย่างไร
ด้วยความที่อาการขนร่วงนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เราจึงต้องมีการตรวจวินิจฉัยให้ดีก่อนที่จะตัดสินว่าน้องเป็นอะไร โดยวิธีการที่ง่ายที่สุด และแม่นยำมากที่สุด คือการพาน้องแมวของเราไปพบกับสัตวแพทย์ก่อนเพื่อตรวจวินิจฉัย ก่อนส่งทำการรักษา เพราะอย่างที่บอกครับว่าอาการขนร่วงนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน จึงเป็นเรื่องยากที่จะสรุปว่าน้องแมวของเรานั้นเป็นอะไร จึงต้องมีการตรวจให้ชัดเจนก่อนทำการรักษา
รักษายังไงได้บ้าง
ในการรักษาแมวที่มีราหรือเชื้อ Derma – tophytosis ทางแก้คือการตัดขนน้องออกทั้งตัวเลยครับ เพื่อหยุดการเกิดของเชื้อโรคตามผิวหนังที่สำคัญการตัดขนน้องจะต้องระวังการแพร่กระจายของเชื้อราในช่วงบริเวณที่ตัดขนด้วยหลังจากตัดขนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เราทำการทายาในบริเวณที่น้องมีเชื้อราในผิวหนังบนตัวน้อง และให้ยาควบคู่กันไปเป็นประจำอยู่เสมอ นอกจากยาที่หมอให้แล้ว เรายังสามารถให้อาหารเสริมเพื่อช่วยให้สภาพผิวหนังของน้องฟื้นกลับคืนมาอีกครั้งก็ได้เช่นกัน ในการรักษากับสัตวแพทย์จะใช้เวลาร่วม 2 – 4 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่ไม่นานเกินไป แต่หากอาการหนักมาก อาจใช้เวลายาวนานถึง 1 – 2 เดือนเลยทีเดียวครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการที่น้องเป็นว่าหนักมากน้อยแค่ไหน
อย่าปล่อยให้น้องเป็นแล้วไม่รักษา โรคนี้ติดคนได้!
สำหรับเชื้อรา Derma – tophytosis หากเห็นน้องเป็นแล้ว อย่าปล่อยละเลยเด็ดขาดนะครับ เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อจากน้องแมวสู่คนได้อีกด้วย เพราะเชื้อตัวนี้สามารถติดได้จากการสัมผัสกัน ข้อควรระวังหากแมวของคุณเป็นเชื้อราตัวนี้ คือห้ามใช้สิ่งของร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นที่นอน หรือแม้กระทั่งให้น้องแมวอยู่ในห้องเดียวกัน ก็ห้ามเด็ดขาดเลยครับ เพราะถือว่าเป็นเรื่องสุดอันตรายเลยหากติดเชื้อแล้วนอกจากจะต้องรักษาแมว คุณต้องรักษาตัวเองอีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ ปัญหาเชื้อราในลูกแมว ที่ไม่ควรมองข้าม ที่ทาง Petsayhi ได้นำมาฝากกันในวันนี้บอกตามตรงเลยครับว่าโรคนี้เป็นโรคที่น่ากลัวมาก ยิ่งเป็นโรคที่สามารถติดต่อสู่คนได้แบบนี้ ถือว่าอันตรายมากเลยครับ ฉะนั้นหากคุณเลี้ยงแมวขนยาว ต้องหมั่นสังเกตให้ดีครับ เพราะถ้าเกิดการติดเชื้อขึ้นมาจะได้รีบพาไปรักษาได้อย่างทันท่วงที หากคุณชอบบทความดีๆ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงแบบนี้อีก อย่าลืมติดตาม Petsayhi ไว้นะครับ เพราะเว็บไซต์ของเรารวบรวมข้อมูลดีๆ เนื้อหาทุกอย่างเที่ยวเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากมายจากทุกมุมโลกมาให้คุณได้อ่านกันในที่เดียว เว็บสล็อต