การฉีดวัคซีนแมวถือเป็นสิ่ง หนึ่ง ที่จำเป็นและสำคัญมากเนื่องจากมันสามารถเป็นเกราะป้องกันให้กับสุขภาพของเจ้าเหมียวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากวัคซีนจะช่วยป้องกันแมวจากการติดเชื้อไวรัสต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดอาการป่วยถึงขั้นรุนแรงได้ซึ่งเป็นสิ่งที่แมวทุกตัวควรจะทำ แม้ว่าวัคซีนจะไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ 100% แต่อย่างไรก็ตามหากผู้เลี้ยงป้องกันแมวด้วยการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนตามที่สัตวแพทย์แนะนำก็จะ สามารถลดโอกาสที่อาจให้เกิดโรคติดต่อและโรคที่ร้ายแรงหลายๆ โรคได้
โดยกลุ่มวัคซีนในแมวจะแบ่งออกเป็น สอง กลุ่มคือ Feline core Vaccine และ Feline optional
1. Feline core Vaccine กลุ่มวัคซีนนี้ถือเป็นวัคซีนโรคหลักที่แมวทุกตัวจำเป็นต้องได้รับซึ่งได้แก่ วัคซีนรวมเพื่อป้องกันโรคหัดหวัดแมว โรคระบบทางเดินหายใจ ช่องปากและตาอักเสบ ไปจนถึงวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าด้วย
2. Feline optional ตัวเลือกวัคซีนนี้เป็นวัคซีนทางเลือกที่จำเป็นต้องให้ในกลุ่มแมวที่มีโอกาสที่จะเสี่ยงติดโรค ซึ่งการที่จะกำหนดว่าควรรับหรือไม่ได้รับนั้นล้วนขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแมวที่จะติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็น โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ วัคซีนป้องกันโรคเอดส์แมว รวมไปถึงวัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมีย ซึ่งการฉีดวัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียนี้เจ้าเหมียวจำเป็นที่จะต้องตรวจเลือดก่อนว่าได้รับเชื้อมาหรือไม่ หากไม่ได้รับเชื้อหรือไม่พบเชื้อจึงจะสามารถทำวัคซีนได้
โดยการทำวัคซีนให้แมวนั้นมีด้วยกันอยู่ 3 วิธีคือ การหยอดเข้าจมูก การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง โดยวัคซีนเข็มแรกนั้นจะต้องเริ่มฉีดในลูกแมวที่มีอายุประมาณ 8 สัปดาห์ และเมื่อหลังจากที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกเรียบร้อยแล้ว ร่างกายของลูกแมวก็อาจจะมีการสร้างภูมิคุ้มกันที่ยังไม่สูงเพียงพอหรือลูกแมวอาจมีภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากแม่แมวอยู่
ซึ่งเหตุผลเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่ดีนัก ดังนั้นสัตวแพทย์จึงแนะนำให้มีการฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นอีก หนึ่ง ถึง สอง เข็ม โดยแต่ละเข็มจะกัน 2-4 สัปดาห์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ร่างกายได้มีการสร้างภูมิคุ้มกันที่สูงพอหรือมีประสิทธิภาพที่มากพอที่จะช่วยป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ได้
ช่วงอายุที่เหมาะสมกับการให้วัคซีนและตรวจสุขภาพเจ้าเหมียว
อย่างที่ผมได้กล่าวไปตอนต้นว่าเจ้าเหมียวสามารถรับวัคซีนได้ตั้งแต่อายุได้ 8 สัปดาห์ ฉะนั้นเราไปดูกันดีกว่าครับว่าในแต่ละช่วงอายุของเจ้าเหมียวควรได้รับการฉีดวัคซีนและตรวจสุขภาพอย่างไรกันบ้าง
1. ช่วงอายุ 6 สัปดาห์: ผู้เลี้ยงควรพาเจ้าเหมียวไปตรวจสุขภาพและทำการถ่ายพยาธิ
2. ช่วงอายุ 8 ถึง 9 สัปดาห์: ผู้เลี้ยงควรพาเจ้าเหมียวไปฉีดวัคซีนรวมเข็มที่ 1 เพื่อป้องกันโรคร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หัด หวัดแมว ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และตาอักเสบ
3. ช่วงอายุ 10 ถึง 12 สัปดาห์: ผู้เลี้ยงควรพาเจ้าเหมียวไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ป้องกันโรคไข้หัด หวัดแมว ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และตาอักเสบเช่นเพื่อเป็นการกระตุ้นเข็มแรกให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น และพร้อมกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียเข็มที่ 1
4. ช่วงอายุ 12 สัปดาห์: ผู้เลี้ยงควรพาเจ้าเหมียวไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เข็มที่ 1
5. ช่วงอายุ 12 ถึง 16 สัปดาห์: ผู้เลี้ยงควรพาเจ้าเหมียวไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นวัคซีนรวมป้องกันโรคไข้หัด หวัดแมว ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และตาอักเสบ พร้อมทั้งรับวัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมียเข็มที่ 2 และวัคซีนป้องกันโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบเข็มที่ 1
6. ช่วงอายุ 19 สัปดาห์: ผู้เลี้ยงควรพาเจ้าเหมียวไปกระตุ้นวัคซีนป้องกันโรคเยื่อบุช่อง เข็มที่ 2
7. ทุกเดือน: ผู้เลี้ยงควรพาเจ้าเหมียวไปรับวัคซีนป้องกันเห็บหมัดและพยาธิหนอนหัวใจเป็นประจำทุกเดือน
8. ทุก 3 เดือน: เจ้าเหมียวควรได้รับการถ่ายพยาธิ
9. ทุกปี: เจ้าเหมียวควรได้รับการกระตุ้นวัคซีนที่ได้รับก่อนหน้านี้ทั้งหมดเป็นประจำทุกปี ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนรวมเพื่อป้องกันโรคไข้หัด หวัดแมว ระบบทางเดินหายใจ ช่องปาก และตาอักเสบ วัคซีนป้องกันโรคลิวคีเมีย วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ยังรวมไปถึงวัคซีนป้องกันโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบด้วย
การดูแลเจ้าเหมียวหลังจากได้รับวัคซีน
ช่วงหลังๆ จากที่เจ้าเหมียวได้รับวัคซีนมาแล้วเป็นช่วงที่ร่างกายภายในกำลังพัฒนาภูมิคุ้มกัน ฉะนั้นแล้วการดูแลสุขภาพในทุกๆ ด้านของเจ้าเหมียวจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเกี่ยวกับอาหารในเรื่องของโภชนาการต่างๆ และการควบคุมพยาธิทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งผู้เลี้ยงจะสามารถสังเกตได้ว่าหลังจากที่เจ้าเหมียวได้รับวัคซีนมาแล้วอาจมีอาการเป็นไข้ ซึม อาการเบื่ออาหารหนึ่ง ถึง สอง วัน นอกจากนี้เจ้าเหมียวบางตัวอาจมีอาการบวมหรือเจ็บบริเวณที่ได้รับการฉีดวัคซีนอีกด้วย
ดังนั้นแล้วผู้เลี้ยงจึงควรจะจัดหาอาหาร น้ำ และพื้นที่อยู่อาศัยเพื่อให้เจ้าเหมียวได้พักผ่อนและกลับสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแมวแต่ละตัวด้วยเนื่องจากบางตัวอาจจะฉีดแล้วก็ปกติเลยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือบางตัวอาจมีปฏิกิริยาที่รุนแรงต่อวัคซีนที่ได้รับหรือเรียกว่าอาการแพ้ซึ่งอาจจะส่งผลให้เจ้าเหมียวน้ำลายไหล เกิดผื่นแดง หน้าบวม และหายใจลำบาก ซึ่งหากเจ้าเหมียวเกิดอาการที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ ผู้เลี้ยงควรพาเจ้าเหมียวกลับไปพบสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุดเพื่อการช่วยเหลือให้ทันท่วงที
ข้อระวังที่ควรรู้สำหรับการให้วัคซีนแมว
1. เจ้าเหมียวที่กำลังตั้งท้องอยู่ไม่ควรที่จะได้รับการฉีดวัคซีน เนื่องจากวัคซีนอาจจะส่งผลทำให้แม่แมวแท้งลูกหรืออาจทำให้ลูกแมวที่ออกมาเกิดพิการได้
2. หากเจ้าเหมียวได้รับวัคซีนที่ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดโรคจากวัคซีนได้
3. หากเจ้าเหมียวได้รับการฉีดวัคซีนผิดตำแหน่งอาจส่งผลให้เส้นประสาทถูกทำลายได้ ซึ่งอาจร้ายแรงไปถึงการทำให้เจ้าเหมียวพิการได้เช่นกัน
4. อย่างที่ผมได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าการฉีดวัคซีนอาจจะไม่ได้เหมาะสมกับแมวทุกตัว เนื่องจากอาจมีแมวบางตัวที่มีปฏิกิริยาการแพ้วัคซีนเกิดขึ้นได้ ซึ่งบางครั้งก็อาจรุนแรงถึงชีวิต ฉะนั้นแล้วหากได้รับวัคซีนเรียบร้อยแล้วควรจะให้เจ้าเหมียวอยู่กับสัตวแพทย์ก่อนเป็นเวลาประมาณ 30 นาที เพื่อสังเกตอาการว่าเจ้าเหมียวมีอาการแพ้หรือไม่